พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนคนไทยให้ความเคารพเทิดทูนไว้เหนือเกล้า พระองค์ทรงมีพระราชหฤทัยเปี่ยมไปด้วยพระเมตตากรุณาต่อพสกนิกรชาวน่านอย่างล้นพ้น ในคราวเสด็จเยี่ยมราษฎร ปี พ.ศ.๒๕๐๑ ได้เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยรถยนต์พระที่นั่งมายังจังหวัดน่าน ตามถนนสายแพร่ – น่าน ซึ่งในขณะนั้นเส้นทางลาดยางมาถึงแค่อำเภอเวียงสา ต่อจากนั้นเป็นถนนลูกรังในระหว่างเสด็จฯ จะต้องใช้น้ำสาดดับฝุ่นทุกวัน
จังหวัดน่านเป็นจังหวัดที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โดยในปี พ.ศ.๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จฯ ยังจังหวัดน่านทรงนำพระพุทธรูป “พระพุทธนวราชบพิตร” มาพระราชทานให้ประดิษฐานไว้สักการบูชาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ปัจจุบันประดิษฐาน ณ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และมีการอัญเชิญมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเนื่องในโอกาสในพระราชดำรัสในพิธีพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรประจำจังหวัดน่าน วันที่ ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒ ความตอนหนึ่งว่า “...ข้าพเจ้ามาเยี่ยมท่านครั้งนี้ ได้นำพระพุทธนวราชบพิตรมามอบให้ด้วย พระพุทธนวราชบพิตรนี้ ข้าพเจ้าสร้างขึ้นสำหรับมอบให้เป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัด ที่บัวฐานข้าพเจ้าบรรจุพระพิมพ์ไว้องค์หนึ่ง เป็นพระซึ่งทำด้วยผงศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาจากทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักร มีผงศักดิ์สิทธิ์จากปูชนียสถานและปูชนียวัตถุของจังหวัด น่าน เช่น ผงจากองค์พระธาตุแช่แห้ง และผงทองจากองค์พระเจ้าทองทิพย์ เป็นต้น รวมอยู่ด้วย ข้าพเจ้าถือว่าพระพุทธนวราชบพิตร นอกจากจะเป็นเครื่องหมายแทนคุณพระรัตนตรัยอันเป็นที่เคารพสูงสุดแล้ว ยังเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาติไทยและคนไทยอีกด้วย จึงได้บรรจุพระพิมพ์ซึ่งทำด้วยผงศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวให้เป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัด และนำมามอบให้แก่ท่านเอง ขอท่านทั้งหลายจงรับพระพุทธนวราชบพิตรไว้เพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับจังหวัดและสำหรับตัว เป็นที่ยึดเหนี่ยวของจิตใจในการที่จะกระทำความดี และขอให้ระลึกไว้เสมอเป็นนิตย์ว่า ในการประกอบการงานทั้งปวงนั้น ทุกคนต้องมีความตั้งใจจริงและขยันหมั่นเพียร ต้องรู้จักคิด พิจารณาด้วยปัญญาและความรอบคอบ ประกอบด้วยความอะลุ้มอล่วยถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน มีเมตตามุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน ยึดมั่นในความสามัคคีและความซื่อสัตย์สุจริต ถือเอาประโยชน์ร่วมกันเป็นจุดประสงค์สำคัญ...”
พระองค์ทรงห่วงใยบรรดาเหล่าทหารหาญที่สู้รบอยู่ตามแนวชายแดน เพื่อปกป้องอธิปไตย ซึ่งในขณะนั้น (พ.ศ.๒๕๑๒) ได้มีการสู้รบกับทหารคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ พระองค์และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงเสด็จฯ มาทรงสดับรับฟังเหตุการณ์ด้วยพระองค์เอง พร้อมกับจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร ณ ตำบลเชียงกลาง อำเภอทุ่งช้าง (ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตอำเภอเชียงกลาง) ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กราบบังคมทูลถวายรายงานเหตุการณ์ และขณะที่ทั้งสองพระองค์พักผ่อนอิริยาบถอยู่ใต้ร่มไม้ บังเอิญได้เกิดการสู้รบกันขึ้นระหว่างคอมมิวนิสต์กับทหารในป่าลึก พระองค์จึงตรัสว่า “ฉันจะไปดู” หลังจากนั้นจึงเสด็จประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปทอดพระเนตร ณ ที่มีการสู้รบกันทันที ยังมีความปลื้มปีติต่อเหล่าบรรดาทหารหาญอย่างล้นพ้น
วันอังคารที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดอนุสรณ์วีรกรรม พลเรือน ตำรวจ ทหาร อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น